วันนี้ (24 ก.พ.60) พลโท วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ครั้งที่ 1/2560 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่
แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือพบแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีการผลิตยาเสพติดประเภทยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน ได้เป็นจำนวนมาก เพราะสารเคมีที่ใช้เป็นสารตั้งต้นส่งเข้าไปอย่างต่อเนื่องและยังตรวจพบว่าปี 2560 มีพื้นที่ปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้น การลักลอบโดยกลุ่มชนเผ่าที่อยู่ตามแนวชายแดนยังเป็นกลุ่มลำเลียงเข้าเขตไทยเป็นหลัก แม้ว่าในปัจจุบันยาเสพติดจากแหล่งผลิตจะมีทิศทางไปทางตะวันออกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณยาเสพติดที่เข้าทางภาคเหนือยังคงมีอยู่จำนวนมาก เพราะกลุ่มขบวนการสามารถผลิตได้ตามต้องการของผู้เสพ
นอกจากนี้ แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดคาดว่าแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้านจะผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนยาเสพติดที่เจ้าหน้าที่จับกุมได้เป็นจำนวนมาก พื้นที่การลักลอบลำเลียงเข้าเขตไทยที่สำคัญบริเวณอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดแนวไปถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และบริเวณท่าข้ามในลำน้ำแม่โขง ซึ่งการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ควบคุมอำนวยการ ประสานงานให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนมกราคม 2560 ได้แก่ ด้านการป้องกันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดระเบียบสังคมควบคุมพื้นที่เสี่ยง จำนวน 285 ครั้ง สั่งปิดสถานประกอบการจำนวน 7 แห่ง และในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีการประกาศรับรอง "ครัวเรือนสีขาว ปลอดยาเสพติด จำนวน 2,080 ครัวเรือน รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่บ้านห้วยส้าน
ด้านการบำบัดรักษา โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย เปิดโครงการอบรมค่ายศูนย์ขวัญแผ่นดินรวม 5 รุ่น ผู้เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้น 471 คน และด้านการสกัดกั้นปราบปรามในพื้นที่ 3 จังหวัด ยาบ้าจำนวน 4,628,597 เม็ด ไอซ์ จำนวน 56.0 กิโลกรัม เฮโรอีนจำนวน 30.8 กิโลกรัม เงินสดจำนวน 11.7 ล้านบาท และมีผู้ต้องหาจำนวน 406 คน
แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาเสพติดที่จับกุมได้นั้นเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วน และยาเสพติดที่เข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนค่อนข้างสูง ประกอบกับรายได้ในการขนส่งยาเสพติดเป็นสิ่งที่จูงใจนักขนส่งหน้าใหม่และชนเผ่า ส่งผลให้ยาเสพติดมีปริมาณจำนวนมาก ซึ่งทางประเทศไทยก็ได้ประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา โดยจะร่วมกันปราบปรามยาเสพติดและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงการประชุมในวันนี้ได้นำตัวอย่างการจับกุมที่ผ่านมามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันเพื่อหาแนวทางและการจับกุมให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่มา : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ |